น้ำจิ้มลูกชิ้น สูตรที่ 1
ส่วนผสม
พริกแห้งเม็ดใหญ่
รากผักชี
กระเทียม
พริกโขลกละเอียด (หากเป็นพริกกะเหรี่ยงได้ยิ่งดี เน้นให้เผ็ดด้วยนะ ความเผ็ดจะอยู่ตรงนี้ ไม่ใช่ที่พริกแห้ง)
มะเขือเทศลูกใหญ่ 6-7 ลูก (มะเขือเทศจะให้ความเข้มข้นของตัวน้ำจิ้มและให้รสนัวอร่อยด้วย)
น้ำตาลปี๊บ
น้ำตาลทราย
น้ำส้มสายชู 4 ทัพพี (ใส่เพิ่มทีหลังได้)
เกลือป่น
มะขามเปียก (แบบเอาเม็ดออก) 2 ปั้น
หมายเหตุ:ส่วนผสมทุกอย่างกะตามปริมาณเอานะค่ะ
วิธีทำ
กรีดพริกแห้งแล้วนำเม็ดออก เอาเฉพาะเนื้อ จากนั้นนำไปแช่น้ำจนนิ่ม
จากนั้นนำไปปั่นให้ละเอียด (ส่วนนี้จะไม่เผ็ด เพราะเราเอาเม็ดพริกออกแล้ว)
โขลกรากผักชีกับกระเทียมเข้าด้วยกันให้ละเอียด
นำมะเขือเทศไปปั่นให้ละเอียด **บางสูตรจะใส่สับปะรด**
ใส่น้ำตาลปี๊บ
น้ำตาลทราย พริกแห้งปั่น รากผักชีกับกระเทียมโขลก และมะเขือเทศปั่นลงในม้อ
(ควรเลือกใช้หม้ออย่างดี เวลาเคี่ยวจะได้ไม่ไหม้) นำขึ้นตั้งไฟเคี่ยว
เติมน้ำส้มสายชูลงไป
ตามด้วยเกลือป่น (ปริมาณตามภาพ สามารถเพิ่มทีหลังได้)
ใส่มะขามเปียก (แบบเอาเมล็ดออกแล้ว หรือจะนำไปเคี่ยวเอาน้ำมันก่อนก็ได้ตามใจ)
เคี่ยวจนส่วนผสมเหนียว
(ก็จะได้น้ำจิ้มรสแซ่บเวอร์ ! สีแดงแปร๊ดดด หากคิดเก็บไว้นาน ๆ
ก็ไม่ต้องโรยผักชีซอยลงไปนะ แต่ถ้าโรยลงไปมันจะอร่อยหอมขึ้นอีก)
----------------------------------------------------------------------------------
น้ำจิ้มลูกชิ้น สูตรที่ 2
ส่วนผสม
พริกแดงสด
รากผักชี
กระเทียมดอง 6-7 หัว
น้ำส้มสายชู
น้ำ
น้ำตาลปี๊บ
น้ำตาลทราย
เกลือป่น
ซอสพริก 6-7 ทัพพี
ซอสมะเขือเทศ 6-7 ทัพพี
น้ำมะขามเปียก
หมายเหตุ:ส่วนผสมทุกอย่างกะตามปริมาณเอานะค่ะ
วิธีทำ
ใส่พริกแดงสด รากผักชี กระเทียมดอง และน้ำส้มสายชูลงในเครื่องปั่น ปั่นจนละเอียด
ใส่น้ำลงในหม้อ (ไม่ต้องมา) ตามด้วยน้ำตาลปี๊บและน้ำตาลทรายลงไป (กะปริมาณเอา) นำขึ้นตั้งไฟ
ใส่ส่วนผสมพริกที่ปั่นไว้ลงไป
ตามด้วยเกลือป่น (ปริมาณตามภาพ สามารถเพิ่มทีหลังได้)
ใส่ซอสพริกลงไป
(วันนี้ใช้ยี่ห้อนี้เพราะกลิ่นหอมดี สังเกตว่าน้ำจิ้มต่าง ๆ
หากใช้ซอสพริกโนเนมจะปรุงอร่อยดี เช่นพวกยี่ห้อ ม้าบิน สามเพนกวิน ฯลฯ
แต่เวลาเอาซอสพริกยี่ห้อดัง ๆ มาทำน้ำจิ้ม ทำไมมันไม่อร่อยก็ไม่รู้
หรือคิดไปเอง ? ไม่รู้ดิ)
ใส่ซอสมะเขือเทศและน้ำมะขามเปียกลงไป
เคี่ยวจนส่วนผสมเหนียว (ปรุงให้ได้ 3 รส เน้นเผ็ดนำ) จากนั้นพักไว้จนเย็น สามารถเก็บไว้ในตู้เย็นได้นานหลายวัน
* ชื่นชอบข่าวนี้ อยากแชร์ต่อให้เพื่อนๆ *
ภาพจาก : thai food
ที่มา : thai food