นอกจากปลาช่อนเผาเกลือ เนื้อปลาหอมหวานอร่อยแล้ว
รสชาติจะอร่อยสูตรเด็ดแค่ไหนนั้น น้ำจิ้มเป็นตัวสำคัญ
ที่ช่วยเพิ่มความอร่อยเด็ดให้กับปลาเผาขึ้นมาทันที
ที่มีทั้งน้ำจิ้มเผ็ดหรือน้ำจิ้มซีฟู้ด รสชาติเปรี้ยว หวาน เค็ม แซ่บสะใจ
หรือจะน้ำจิ้มแจ่วที่มีรสจัดจ้านแต่กลมกล่อม ออกหวานอมเปรี้ยว
หรือจะน้ำพริกหนุ่มรสชาติกลมกล่อม ก็อร่อยเข้ากันดีนัก สำหรับสูตรน้ำจิ้มปลาเผาเกลือที่เรา
zabwer.com นำมาฝากนี้ มีทั้งน้ำจิ้มซีฟู้ด น้ำจิ้มแจ่ว และน้ำพริกหนุ่ม
เน้นทุกสูตรเป็นสูตรทำง่าย ใช้วัตถุดิบน้อย ใช้เวลาน้อยอีกด้วย
แต่รสชาติความอร่อยแซ่บเวอร์นั้นมิได้น้อยน่าใครเลย
อร่อยและทำได้ง่ายแบบนี้ห้ามพลาดครับ
น้ำจิ้มแจ่ว สูตรที่ 1
พริกคั่วป่น 2 ช้อนโต๊ะ
ผงปรุงรส 1 ช้อนชา
น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะ
ข้าวคั่วป่น 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำมะนาว 2-3 ช้อนโต๊ะ (ถ้าชอบเปรี้ยวก็ใส่น้ำมะนาวเพิ่ม)
หอมแดงซอย ต้นหอมซอย และผักชีฝรั่งซอย (ปริมาณตามชอบ)
น้ำจิ้มแจ่ว สูตรที่ 2
พริกคั่วป่น 1 ช้อนโต๊ะ (เพิ่มหรือลด ตามชอบครับ)
ซอสแม็กกี้ 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำมะนาว 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลทราย 1 ช้อนชา
ผักชีฝรั่งซอย 1 ช้อนโต๊ะ
(หรือจะใส่ทั้งหอมแดงซอย ต้นหอมซอย และผักชีฝรั่งซอยลงไปด้วยก็ได้…เพิ่มหรือลดตามชอบครับ)
วิธีทำ (ทั้ง 2 สูตร)
1. นำเครื่องปรุงทุกชนิด (ยกเว้นน้ำมะนาว และผักซอยต่างๆ) ใส่ลงในชาม ผสมละลายให้เข้ากัน
2. เติมรสเปรี้ยวด้วยการบีบมะนาวลงไป ค่อยๆ เติมที่ละนิดพร้อมกับชิมไปด้วย ถ้าไม่เปรี้ยวให้เติมลงไปอีกจนได้รสชาติตามใจชอบ
3. ตามด้วย โรยหอมแดงซอย ต้นหอมซอย และผักชีฝรั่งซอย (เพิ่ม/ลดได้ ปริมาณตามชอบ) คลุกเคล้าให้เข้ากัน แค่นี้ก็ได้น้ำจิ้มแจ่วรสจัดจ้านแล้ว
ส่วนผสม
พริกหนุ่ม 10-12 เม็ด
หอมแดง 6 หัว
กระเทียมเม็ดใหญ่ 6 กลีบ
น้ำปลาอย่างดี 1-2 ช้อนโต๊ะ
เกลือ ½ ช้อนชา
วิธีทำ
1. เอาพริก กระเทียม หอมแดงมาย่างไฟ ให้หอม (แต่อย่าลืมล้างทำความสะอาดพริกก่อนเอามาย่าง)
2. เคล็ดลับนิดหนึ่งของการย่าง ถ้าใช้เตาถ่านจะมีกลิ่นหอมกว่าไปย่างบนเตาแก๊ส พอย่างได้ที่ก็ไปแกะเปลือกออก สำหรับพริกเมื่อสุกเราจะลอก ในส่วนที่ไหม้ ๆ ดำ ๆ เอาออก ถ้าใครไม่ชอบเผ็ดให้เอาไส้พริกออกบ้างก็จะลดความเผ็ดลง
3. มาเริ่มตำน้ำพริกหนุ่ม โดยรองก้นครกด้วยเกลือนิดนึง แล้วนำกระเทียมและหอมแดงใส่ในครก ตำให้เข้ากันจนกระทั่งละเอียดพอ
4. จากนั้นนำพริกหนุ่มที่เผาแล้วหั่นใส่ลงไปในครก (เพื่อสะดวกในการตำ) ตำจนกระทั่งพริกละเอียดพอ…ว่าจะเอาหยาบ หรือแหลกละเอียด ตามชอบเลยครับ
5. เมื่อตำได้ที่แล้ว ปรุงรสด้วยน้ำปลา คนให้เข้ากัน ตักใส่จานเป็นอันเสร็จ
** บางสูตรใส่ปลาร้าด้วยแต่จริง ๆ ทางภาคเหนือเลยจะไม่ใส่ หากทานเผ็ดไม่เก่ง ให้นำเม็ดพริกออก หรือนำมะเขือยาวมาเผาลอกเปลือกมาผสมด้วยก็ได้ **
น้ำจิ้มซีฟู้ด
น้ำจิ้มซีฟู้ดรสเด็ดนั้น
ควรมีรสชาติเปรี้ยวนำ เค็มตาม หวานและเผ็ดกลมกล่อม
ส่วนความเผ็ดนั้นอยู่ที่ระดับกลางๆ สามารถรับประทานกับอาหารได้หลายอย่าง
ไม่ว่าจะเป็นกุ้ง หอย ปู ปลา ทั้งเมนูเผา ย่าง ลวกหรือนึ่ง
ก็อร่อยไม่แพ้กันครับ สำหรับสูตรนี้มีน้ำตาลทราย น้ำปลา มะนาว พริก
กระเทียม ผักชี เอามาปั่นหรือผสมรวมกัน ก็ได้น้ำจิ้มซีฟู้ดทานกับปลาเผาแล้ว
ส่วนผสม (สำหรับ 1 ถ้วย)
พริกขี้หนูสวนสีเขียวสด 20 เม็ด
กระเทียมกลีบเล็กปอกเปลือกซอย 5-6 กลีบ
ผักชีพร้อมรากหั่น 1 ต้น
ใบโหระพา 10 ใบ (ใส่หรือไม่ใส่ ก็ได้ครับ)
น้ำเชื่อม 4 ช้อนโต๊ะ (น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ+ น้ำเปล่า 3 ช้อนโต๊ะ)
น้ำมะนาว 3 ช้อนโต๊ะ
น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำ
1. หั่นต้นผักชีพร้อมรากผักชี กระเทียม ให้เป็นชิ้นเล็กๆ
2. ปั่นพริกขี้หนู กระเทียม ผักชีพร้อมราก และใบโหระพา ทั้งหมดให้ละเอียด เทใส่ในชาม
3. เติมน้ำเชื่อม เกลือ น้ำมะนาว คนให้เกลือละลาย ปรุงรสให้แซ่บสะใจ เปรี้ยว เค็ม หวาน
**หากต้องการให้สีน้ำจิ้มมีสีเขียวมากขึ้น ให้เน้นใบผักชีมากกว่าต้นผักชี
**น้ำจิ้มซีฟู้ด สามารถเก็บไว้ในตู้เย็นได้ 2-3 วัน
ส่วนผสม (สำหรับ 1 ถ้วย)
พริกขี้หนูสวนสีเขียวสด 20 เม็ด
กระเทียมกลีบเล็กปอกเปลือกซอย 5-6 กลีบ
ผักชีพร้อมรากหั่น 1 ต้น
ใบโหระพา 10 ใบ (ใส่หรือไม่ใส่ ก็ได้ครับ)
น้ำเชื่อม 4 ช้อนโต๊ะ (น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ+ น้ำเปล่า 3 ช้อนโต๊ะ)
น้ำมะนาว 3 ช้อนโต๊ะ
น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำ
1. หั่นต้นผักชีพร้อมรากผักชี กระเทียม ให้เป็นชิ้นเล็กๆ
2. ปั่นพริกขี้หนู กระเทียม ผักชีพร้อมราก และใบโหระพา ทั้งหมดให้ละเอียด เทใส่ในชาม
3. เติมน้ำเชื่อม เกลือ น้ำมะนาว คนให้เกลือละลาย ปรุงรสให้แซ่บสะใจ เปรี้ยว เค็ม หวาน
**หากต้องการให้สีน้ำจิ้มมีสีเขียวมากขึ้น ให้เน้นใบผักชีมากกว่าต้นผักชี
**น้ำจิ้มซีฟู้ด สามารถเก็บไว้ในตู้เย็นได้ 2-3 วัน
น้ำจิ้มแจ่ว
น้ำจิ้มแจ่วสูตรเด็ดรสแซ่บของชาวอีสานบ้านเฮานั้น ควรมีรสกลมกล่อม หวานอมเปรี้ยว รสจัดจ้าน เป็นน้ำจิ้มรับประทานกับอาหารได้หลายอย่าง ไม่ว่าจะปลาย่าง ปลาเผา ปลานึ่ง หรือเนื้อย่าง เนื้อปิ้ง หรือแม้แต่จิ้มกับอาหารที่ไม่อร่อย รสจืด ถ้าจิ้มกับน้ำจิ้มแจ่วก็จะเกิดความอร่อยขึ้นมาทันที น้ำจิ้มแจ่ว 2 สูตรนี้เป็นสูตรทำง่าย รสชาติอร่อยใช้ได้ เน้นสะดวกทำแป๊บเดียวได้ทานแล้ว เครื่องปรุงและวิธีทำก็ตามนี้เลยครับน้ำจิ้มแจ่ว สูตรที่ 1
พริกคั่วป่น 2 ช้อนโต๊ะ
ผงปรุงรส 1 ช้อนชา
น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะ
ข้าวคั่วป่น 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำมะนาว 2-3 ช้อนโต๊ะ (ถ้าชอบเปรี้ยวก็ใส่น้ำมะนาวเพิ่ม)
หอมแดงซอย ต้นหอมซอย และผักชีฝรั่งซอย (ปริมาณตามชอบ)
น้ำจิ้มแจ่ว สูตรที่ 2
พริกคั่วป่น 1 ช้อนโต๊ะ (เพิ่มหรือลด ตามชอบครับ)
ซอสแม็กกี้ 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำมะนาว 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลทราย 1 ช้อนชา
ผักชีฝรั่งซอย 1 ช้อนโต๊ะ
(หรือจะใส่ทั้งหอมแดงซอย ต้นหอมซอย และผักชีฝรั่งซอยลงไปด้วยก็ได้…เพิ่มหรือลดตามชอบครับ)
วิธีทำ (ทั้ง 2 สูตร)
1. นำเครื่องปรุงทุกชนิด (ยกเว้นน้ำมะนาว และผักซอยต่างๆ) ใส่ลงในชาม ผสมละลายให้เข้ากัน
2. เติมรสเปรี้ยวด้วยการบีบมะนาวลงไป ค่อยๆ เติมที่ละนิดพร้อมกับชิมไปด้วย ถ้าไม่เปรี้ยวให้เติมลงไปอีกจนได้รสชาติตามใจชอบ
3. ตามด้วย โรยหอมแดงซอย ต้นหอมซอย และผักชีฝรั่งซอย (เพิ่ม/ลดได้ ปริมาณตามชอบ) คลุกเคล้าให้เข้ากัน แค่นี้ก็ได้น้ำจิ้มแจ่วรสจัดจ้านแล้ว
น้ำพริกหนุ่ม
น้ำพริกหนุ่ม น้ำพริกของชาวเหนือ ประกอบด้วยพริกหนุ่ม หัวหอมเผา กระเทียมเผา รสชาติกลมกล่อม ลองหานำมารับประทานดู ทานคู่กับปลาเผาและผักต้ม ผักลวก รับรองว่าคุณหรือใครจะไม่ผิดหวังส่วนผสม
พริกหนุ่ม 10-12 เม็ด
หอมแดง 6 หัว
กระเทียมเม็ดใหญ่ 6 กลีบ
น้ำปลาอย่างดี 1-2 ช้อนโต๊ะ
เกลือ ½ ช้อนชา
วิธีทำ
1. เอาพริก กระเทียม หอมแดงมาย่างไฟ ให้หอม (แต่อย่าลืมล้างทำความสะอาดพริกก่อนเอามาย่าง)
2. เคล็ดลับนิดหนึ่งของการย่าง ถ้าใช้เตาถ่านจะมีกลิ่นหอมกว่าไปย่างบนเตาแก๊ส พอย่างได้ที่ก็ไปแกะเปลือกออก สำหรับพริกเมื่อสุกเราจะลอก ในส่วนที่ไหม้ ๆ ดำ ๆ เอาออก ถ้าใครไม่ชอบเผ็ดให้เอาไส้พริกออกบ้างก็จะลดความเผ็ดลง
3. มาเริ่มตำน้ำพริกหนุ่ม โดยรองก้นครกด้วยเกลือนิดนึง แล้วนำกระเทียมและหอมแดงใส่ในครก ตำให้เข้ากันจนกระทั่งละเอียดพอ
4. จากนั้นนำพริกหนุ่มที่เผาแล้วหั่นใส่ลงไปในครก (เพื่อสะดวกในการตำ) ตำจนกระทั่งพริกละเอียดพอ…ว่าจะเอาหยาบ หรือแหลกละเอียด ตามชอบเลยครับ
5. เมื่อตำได้ที่แล้ว ปรุงรสด้วยน้ำปลา คนให้เข้ากัน ตักใส่จานเป็นอันเสร็จ
** บางสูตรใส่ปลาร้าด้วยแต่จริง ๆ ทางภาคเหนือเลยจะไม่ใส่ หากทานเผ็ดไม่เก่ง ให้นำเม็ดพริกออก หรือนำมะเขือยาวมาเผาลอกเปลือกมาผสมด้วยก็ได้ **
ที่มา:zabwer