★★เมนูขนมหวานเพื่อสุขภาพ★★
"ถั่วเขียวต้มน้ำตาล"
เมนูคู่ครัว ถั่วเขียมต้มน้ำตาลเป็นขนมหวาน ที่แสนจะทำง่าย ถึงง่ายที่สุด ส่วนผสมก็น้อยที่สุด
แค่มีถั่วเขียวกับน้ำตาลทรายติดบ้านไว้ อยากกินขนมหวานเมื่อไร ก็ลุกขึ้นมาต้มกินได้ทันที แก้ขัดไปได้คะ
ถ้าจะทำให้ครบขั้นตอน ก็ต้องเอาถั่วเขียวไปคั่วในกระทะให้มีกลิ่นหอมก่อน แล้วก็แช่น้ำไว้ข้ามคืน แต่....
เราไม่เคยมีแผนการไว้ล่วงหน้าเลย ไม่เคยทำเลยคะ เพราะอยากกินเมื่อไหร่ก็ลุกขึ้นมาต้มเลย อาจต้มนานหน่อย
หม้อนี้เป็นการต้มในที่ทำงาน ใช้หม้อหุงข้าวต้ม แช่ถั่วเขียวไว้ตอนเที่ยง
แล้วไปต้มเอาเกือบเที่ยงของอีกวัน ใม่มีใบเตย ให้ใส่ ทำกันแบบง่าย ๆ ประหยัดค่าขนมตอนกลางวันคะ
แต่สูตร ที่ชอบกินมากกว่า จะเป็น สูตรถั่วเขียวต้มแบบใส่กะทิด้วย ใช้น้ำตาลปิ๊บแทนน้ำตาลทราย ตามนี้
http://http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=baanbaitong&month=04-2009&date=23&group=4&gblog=5
หรือจะทำเป็นถั่วเขียวต้มน้ำลำใย แบบนี้ก็หอม อร่อยคะ
แค่ต้มถั่วเขียวให้นุ่ม แล้วแยกถั่วไว้ ต้มน้ำลำใยใส่น้ำตาลทรายให้หวาน หอม
แล้วนำถั่วเขียวใส่ลงไปให้เดือดอีกครั้ง ก็ได้ถั่วเขียวต้มน้ำลำใยหวาน หอม ทานร้อน ทานเย็นก็ได้ทั้งสองแบบคะ
ส่วนผสม
1. ถั่วเขียว 1 ถ้วย
2. น้ำตาลทราย ประมาณ 1 ถ้วย
3. น้ำสะอาด 5 ถ้วย
4. ใบเตย 2-3 ใบ (ถ้ามี)
วิธีทำ
1. นำถั่วล้างและแช่น้ำข้ามคืน
2. จากนั้นเทน้ำที่แช่ถั่วออก ล้างน้ำให้สะอาดอีกครั้ง นำถั่วใส่หม้อ ใส่น้ำสะอาด 5 ถ้วย ใส่ใบเตย (แต่เราไม่มีใบเตย)
แล้วนำขึ้นตั้งไฟ พอน้ำเดือดก็ลดไฟลง ชอนฟองออกให้หมด ต้มจนถั่วนุ่มตามที่ต้องการ
บางคนอาจชอบแบบเป็นเม็ด ๆ แต่นิ่ม หรือจะชอบแบบถั่วบาน ๆ ก็แล้วแต่
3. ใส่น้ำตาล เราใช้น้ำตาลทรายแดง จะหอมกว่าน้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์
**การใส่น้ำตาล ต้องรอให้ถั่วเขียวนิ่ม เท่าที่ต้องการก่อนนะคะ ไม่งั้นเมื่อใส่น้ำตาลแล้ว น้ำตาลจะรัด ทำให้เมล็ดถั่วเขียวจะไม่นิ่มแล้ว
4. พอได้ที่แล้วลองชิมดู ถ้าชอบหวานก็เพิ่มน้ำตาลไปอีก กินตอนร้อน ๆ หรืออุ่น ๆ
สรรพคุณ / ประโยชน์ของถั่วเขียว
- เมล็ด นำมาต้มแล้วกินเป็นยาขับปัสสาวะ สำหรับคนที่เป็นโรคเหน็บชา
ส่วนถั่วเขียวที่ดิบหรือที่ต้มสุกแล้วใช้ตำพอกเป็นยารักษาภายนอกช่วยบ่มหนองให้ฝีสุก
- เปลือก (สีเขียว) แก้ร้อนใน กระหายน้ำ ทำให้ตาสว่าง รักษาตาอักเสบ
- ถั่วเขียวเป็นพรรณไม้ที่ให้ประโยชน์มากทั้งทางด้านอาหารและในด้านที่ใช้เป็นยา
เมื่อนำมาเพาะเป็นถั่วงอกจะให้วิตามินเอ บี และซีสูงมาก
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=baanbaitong&month=26-01-2011&group=4&gblog=17
"ถั่วเขียวต้มน้ำตาล"
เมนูคู่ครัว ถั่วเขียมต้มน้ำตาลเป็นขนมหวาน ที่แสนจะทำง่าย ถึงง่ายที่สุด ส่วนผสมก็น้อยที่สุด
แค่มีถั่วเขียวกับน้ำตาลทรายติดบ้านไว้ อยากกินขนมหวานเมื่อไร ก็ลุกขึ้นมาต้มกินได้ทันที แก้ขัดไปได้คะ
ถ้าจะทำให้ครบขั้นตอน ก็ต้องเอาถั่วเขียวไปคั่วในกระทะให้มีกลิ่นหอมก่อน แล้วก็แช่น้ำไว้ข้ามคืน แต่....
เราไม่เคยมีแผนการไว้ล่วงหน้าเลย ไม่เคยทำเลยคะ เพราะอยากกินเมื่อไหร่ก็ลุกขึ้นมาต้มเลย อาจต้มนานหน่อย
หม้อนี้เป็นการต้มในที่ทำงาน ใช้หม้อหุงข้าวต้ม แช่ถั่วเขียวไว้ตอนเที่ยง
แล้วไปต้มเอาเกือบเที่ยงของอีกวัน ใม่มีใบเตย ให้ใส่ ทำกันแบบง่าย ๆ ประหยัดค่าขนมตอนกลางวันคะ
แต่สูตร ที่ชอบกินมากกว่า จะเป็น สูตรถั่วเขียวต้มแบบใส่กะทิด้วย ใช้น้ำตาลปิ๊บแทนน้ำตาลทราย ตามนี้
http://http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=baanbaitong&month=04-2009&date=23&group=4&gblog=5
หรือจะทำเป็นถั่วเขียวต้มน้ำลำใย แบบนี้ก็หอม อร่อยคะ
แค่ต้มถั่วเขียวให้นุ่ม แล้วแยกถั่วไว้ ต้มน้ำลำใยใส่น้ำตาลทรายให้หวาน หอม
แล้วนำถั่วเขียวใส่ลงไปให้เดือดอีกครั้ง ก็ได้ถั่วเขียวต้มน้ำลำใยหวาน หอม ทานร้อน ทานเย็นก็ได้ทั้งสองแบบคะ
ส่วนผสม
1. ถั่วเขียว 1 ถ้วย
2. น้ำตาลทราย ประมาณ 1 ถ้วย
3. น้ำสะอาด 5 ถ้วย
4. ใบเตย 2-3 ใบ (ถ้ามี)
วิธีทำ
1. นำถั่วล้างและแช่น้ำข้ามคืน
2. จากนั้นเทน้ำที่แช่ถั่วออก ล้างน้ำให้สะอาดอีกครั้ง นำถั่วใส่หม้อ ใส่น้ำสะอาด 5 ถ้วย ใส่ใบเตย (แต่เราไม่มีใบเตย)
แล้วนำขึ้นตั้งไฟ พอน้ำเดือดก็ลดไฟลง ชอนฟองออกให้หมด ต้มจนถั่วนุ่มตามที่ต้องการ
บางคนอาจชอบแบบเป็นเม็ด ๆ แต่นิ่ม หรือจะชอบแบบถั่วบาน ๆ ก็แล้วแต่
3. ใส่น้ำตาล เราใช้น้ำตาลทรายแดง จะหอมกว่าน้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์
**การใส่น้ำตาล ต้องรอให้ถั่วเขียวนิ่ม เท่าที่ต้องการก่อนนะคะ ไม่งั้นเมื่อใส่น้ำตาลแล้ว น้ำตาลจะรัด ทำให้เมล็ดถั่วเขียวจะไม่นิ่มแล้ว
4. พอได้ที่แล้วลองชิมดู ถ้าชอบหวานก็เพิ่มน้ำตาลไปอีก กินตอนร้อน ๆ หรืออุ่น ๆ
สรรพคุณ / ประโยชน์ของถั่วเขียว
- เมล็ด นำมาต้มแล้วกินเป็นยาขับปัสสาวะ สำหรับคนที่เป็นโรคเหน็บชา
ส่วนถั่วเขียวที่ดิบหรือที่ต้มสุกแล้วใช้ตำพอกเป็นยารักษาภายนอกช่วยบ่มหนองให้ฝีสุก
- เปลือก (สีเขียว) แก้ร้อนใน กระหายน้ำ ทำให้ตาสว่าง รักษาตาอักเสบ
- ถั่วเขียวเป็นพรรณไม้ที่ให้ประโยชน์มากทั้งทางด้านอาหารและในด้านที่ใช้เป็นยา
เมื่อนำมาเพาะเป็นถั่วงอกจะให้วิตามินเอ บี และซีสูงมาก
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=baanbaitong&month=26-01-2011&group=4&gblog=17